รับตัวแทนจำหน่าย คืออะไร ข้อดี-ข้อเสียของการเป็นตัวแทนจำหน่าย

เชื่อว่าหลายๆ คน คงคุ้นชินการประโยคคำพูดนี้ รับตัวแนจำหน่าย หรือที่เป็นภาษาอังกฤษดูเหมือนจะเรียกว่า Dropship เพราะขั้นตอนการทำงานดูเหมือนจะคล้ายๆ กัน ตอนแรกๆ อ้อมเองก็ไม่เข้าใจหรอก จำได้ว่าตอนที่เข้ามาทำงานซื้อ-ขายเสื้อผ้าออนไลน์ ตัวเองก็อยู่ในฐานะตัวแทนจำหน่ายโดยไม่รู้ตัวแล้ว วันแรกเลยที่ทำงานขายของออนไลน์ อ้อมไม่ได้มีสต๊อคเสื้อผ้าหรอกค่ะ ไปเอาเสื้อผ้าแฟชั่นจากเพื่อนมาขายโดยเพื่อนให้ส่วนลดจากราคาหน้าร้าน ตอนนั้นกะว่าจะทำเพื่อให้มีรายได้เสริมเท่านั้น 
"รับตัวแทนจำหน่าย" คืออะไร ข้อดี-ข้อเสียของการเป็นตัวแทนจำหน่าย
"รับตัวแทนจำหน่าย" คืออะไร ข้อดี-ข้อเสียของการเป็นตัวแทนจำหน่าย
คำพูดที่พูดกันตอนนั้นคือ การแชร์สต๊อคกับเพื่อนๆ ทั้งที่จริงๆ เราไม่ได้มีเสื้อผ้าเป็นของตัวเองเลย เวลาที่ลูกค้าโทรมาสอบถามสินค้า ก็อาศัยว่าเข้าไปเช็คสต๊อคกับเพื่อนเอา ถ้ามีสินค้าก็ให้ลูกค้าโอนเงินเข้ามา. หลังจากได้รับยอดเงินครบตามจำนวน อ้อมก็จะโอนค่าสินค้าที่เป็นต้นทุนไปให้เขาพร้อมกับส่งเมล์ที่อยู่ลูกค้า และที่อยู่อ้อมเองไปให้เพื่อน เพื่อให้ส่งไปให้ลูกค้าในนามของอ้อม ขั้นตอนทั้งหมดที่ควรจะเป็นคือแบบนี้ มารู้ที่หลังว่าที่เราทำอยู่คือตัวแทนจำหน่าย หรือ Dropship นั่นเอง



"รับตัวแทนจำหน่าย" คืออะไร ข้อดี-ข้อเสียของการเป็นตัวแทนจำหน่าย

ทำไมถึงต้องเป็นตัวแทนจำหน่าย

เชื่อว่าบางคนคงจะเข้าใจไปแล้วว่า ถ้าเราจะซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ แน่นอนว่าเราต้องมีสินค้า และถ้าเราจะมีสินค้าเราก็ต้องลงทุนซื้อสินค้ามาสต๊อค ซึ่งก็ตามมาด้วยความลังเลใจว่า อืม...แล้วจะขายได้เหรอเนี่ย จะขายยังไงดี จะโปรโมททางไหนดี ถ้าค้างสต็อคก็ตกยุคอีก เสื้อผ้ายิ่งมาใหม่เรื่อยๆ จมทุนอีกด้วย ส่วนหนึ่งของคำถามเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นในใจของหลายๆ คน ที่กำลังมีความคิดจะเริ่มขายของออนไลน์แน่นอน. แค่คิดก็จอดแบบไม่ต้องแจวแล้ว

บ้างก็เข้าใจไปเองว่า เป็นตัวแทนจำหน่าย ก็เหมือนไปหาลูกค้าให้เขา ทำไปทำไม...เหนื่อยเปล่า จริงๆ แล้วไม่ใช่ การเป็นตัวแทนจำหน่ายก็คือ การนำสินค้าเขามาขาย ก็เหมือนเราไปซื้อสินค้าราคาต้นทุนมาบวกกำไรเพิ่มค่ะ เพียงแค่เราไม่มีสินค้าในมือจริงๆ การขายสินค้าถ้าเรามีเพียง 1 ออเดอร์ก็สามารถขายสินค้าชิ้นนั้นๆ ได้ ผิดกับการขายส่งที่ต้องซื้อสินค้ามาเป็นจำนวนมากๆ เพื่อให้ได้ส่วนลด ความเสี่ยงของการสต๊อคสินค้าจะอยู่กับผู้ที่เปิดรับตัวแทนจำหน่าย  การส่งสินค้าไปให้ลูกค้าก็จ่าหน้าซองเป็นเราซึงเป็นคนขายสินค้า และลูกค้าจะรับทราบว่าสินค้ามาจากคุณเองไม่ใช่มาจากคนที่สต๊อคของสินค้า  ที่อ้อมกล้ายกตัวอย่าง และเขียนบทความนี้ขึ้นมา เพราะทุกอย่างที่กล่าวมาในบทความนี้ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจริงแล้วทั้งนั้น และส่วนของอ้อมเองก็เปิดรับเช่นกัน การทำงานหลักๆ ก็จะประมาณนี้ และด้วยเหตุผลที่มีคำถามเข้ามาบ่อยครั้ง ข้อสงสัยเหล่านี้เป็นอะไรที่ไม่แปลกที่จะ งงกัน เพราะอย่างที่อ้อมเกริ่นไปตอนแรก อ้อมเองยังไม่เข้าใจเลย แถมยังลงมือทำแบบไม่รู้ตัวอีก ย้อนนึกไปก็ขำตัวเอง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ เพราะ การเป็นตัวแทนจำหน่ายได้ให้ประสบการณ์กับอ้อม แบบที่ในมหาลัย ไม่สามารถให้ได้ ทั้งประสบการณ์การขายสินค้า ความรู้สึกของการขายได้ครั้งแรก การแก้ไขปัญหาแบบที่มาไม่ทันตั้งตัว แล้วทำไมถึงต้องเป็นตัวแทนจำหน่ายล่ะ

  • - แน่นอนว่าถ้าเรามือใหม่เราก็ไม่อยากลงทุนอะไรมาก เพราะยังไม่รู้ว่าสินค้าชิ้นไหนขายได้หรือไม่ ฤดูกาลไหนสินค้าขายดี ช่วงเวลาไหนสินค้าขายได้ โปรโมทแบบไหนถึงจะดี องค์ประกอบพวกนี้คือความเสี่ยงที่เราในฐานะมือใหม่ที่อยากซื้อ-ขายของออนไลน์อาจจะยังไม่รู้ การเป็นตัวแทนจำหน่าย คือทางเลือกที่ดี สำหรับเราที่จะเก็บประสบการณ์ เข้าถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงของการขายสินค้า โดยที่ไม่ต้องไปลงทุนซื้อสินค้ามาสต๊อคเองให้เหนื่อยใจ
  • - อาศัยเก็บสถิติความนิยมของสินค้า ชิ้นไหนขายได้ลิสเอาไว้ ถ้าขายได้มากกว่า 3-5 ครั้ง คราวนี้เราก็จะเกิดความกล้าที่จะซื้อสินค้ามาสต๊อคเป็นของตัวเองแล้วค่ะ สำคัญมากนะคะ เราต้องลิสรายละเอียดพวกนี้เอาไว้เป็นข้อมูลของเราเอง ขายได้ยังไง ขายได้เพราะอะไร ลูกค้าเห็นสินค้าเราที่ไหน
  • - ในขณะที่เราเป็นตัวแทนจำหน่ายสิ่งที่เราจะต้องทำก็มีเพียงการโปรโมทให้หน้าเว็บฯ หรือหน้าแฟนเพจของเราเป็นที่รู้จัก โดยไม่ต้องไปกังวลเรื่องการเช็คสต๊อค การนำเข้าสินค้า ภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องลงทุนออกไปก่อน ความเสี่ยงเรื่องการขนส่ง สินค้ามาบ้างไม่มาบ้าง เราสามารถทุ่มแรงทั้งหมดไปที่การโปรโมทจนชำนาญ อ้อมมองว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับมือใหม่ซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์
  • - คนที่เป็นตัวแทนจำหน่าย เราจะมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นเองได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นผลดี ลองคิดดูง่ายๆ ว่าถ้าเราไม่ลงมือทำจริงๆ ปัญหาเหล่านี้เราจะเห็นหรือไม่ บางอย่างก็สามารถแก้ไขได้เลย บางอย่างต้องรอไปก่อน หลายคนคงคิดในใจว่าก็มาอ่านบทความนี้ก็รู้แล้วหนิ อ้อมเองต้องบอกตามตรงว่า ปัญหาปลีกย่อยของการซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์แต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ เดี๋ยวจะอธิบายในหัวข้อถัดไป
  • - เรามีโอกาสมากกว่าที่จะนำสินค้าจากหลายๆ ร้านมาขายในร้านเรา เพราะไม่ต้องลงทุนซื้อของเอง ทำให้สินค้าในหน้าร้านเรามีความหลากหลายมากขึ้น ทีนี้ล่ะ การเก็บสถิติก็จะหลากหลายขึ้น โอกาสก้าวไปอีกขึ้นก็จะมากขึ้นไปอีก เร็วขึ้นอีก

ถ้าจะให้เปรียบการเป็นตัวแทนจำหน่าย อ้อมมองว่าเหมือนเรามาเก็บประสบการณ์เป็นเด็กฝึกงานในสถานการณ์จริงๆ ที่หน้าร้านจริงๆ แต่ผิดกันตรงที่ร้านที่เรามาฝึกงานเป็นร้านของเราเอง ทำมากก็ได้มาก ทำไม่หยุดก็ได้มาเรื่อยๆ จนสามารถเป็นรายได้หลักด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่าย หากเห็นช่องทางก็สามารถสร้างเว็บสำหรับซื้อ-ขายสิ้นค้าออนไลน์แบบรวมสินค้าทุกร้านไปเลยถ้ามีทุนพอ ได้ทั้งขายสินค้า ได้ทั้งแบนเนอร์รายได้หลายต่อเลย

ปัญหาของการเป็นตัวแทนจำหน่ายคืออะไร-พร้อมวิธีแก้ไข

- สินค้าที่ขายไม่มีคุณภาพ   การเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างนึ่งที่เราต้องยอมรับก่อนคือ เราจะไม่ได้เห็นของที่เราจะขาย เว้นแต่ว่าเราจะสั่งมาดูคุณภาพอย่างละ 1 ตัว แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ค่อยมีใครสั่งแบบนั้นเพราะมันมีต้นทุน  คำถามที่เกิดขึ้นในใจของเราคือ แล้วเราจะอธิบายกับลูกค้ายังไงล่ะ  อ้อมใช้วิธีดูมาตราฐานของสินค้าค่ะ ถ้าสินค้ามาจากเมืองนอก(ส่วนใหญ่เป็นประเทศจีน) กรณีเป็นสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่นที่ราคาหน้าร้านในเมืองไทยขายอยู่ที่ 200-399 อ้อมจะมองรวมกันไปเลยว่า คุณภาพสินค้าจะคล้ายๆ ตามท้องตลาดบ้านเรา อารมณ์ประมาณของที่เราเห็น 199 หรือ 250 อะไรประมาณนั้นค่ะ  แต่ถ้าสินค้าระดับ 400 - 800 ถ้าเป็นสินค้ามาจากเมืองนอก อันนี้สินค้าจะมีลูกเล่นมากขึ้นมาหน่อย คุณภาพของสินค้าจะดีขึ้น ซื้อไปอารมณ์คนซื้อจะมองว่า  อืมม โอเคนะ!  แต่ถ้าสินค้าราคา 1,000 ขึ้นไป อันนี้ลูกเล่นเยอะ และคุณภาพค่อนข้างดีค่ะ  นี่คือวิธีของอ้อม ที่อ้อมใช้อยู่นะคะ แต่ก็ยังมีองค์ประกอบอย่างอื่นอีกที่ต้องใช้เป็นเกณฑ์ในการมองคุณภาพสินค้า เช่น ไปเห็นร้านที่ 1 รูปแบบนี้ ราคา 250 บาท สักพักไปเจอร้านที่ 2 ราคา 400 บาท ทั้งๆ ที่รูปเหมือนกันเลย แบบนี้สามารถมองได้หลายกรณี เท่าที่อ้อมเจอของจริงมาคือ 
- คุณภาพเมื่อซื้อทั้งสองร้านมาเทียบกันดู คุณภาพต่างกันมาก ทั้งเนื้อผ้า และรอยเย็บดูต่างกัน   
- คนนำเข้าสินค้านำเข้ามาปริมาณไม่เยอะทำให้ต้นทุนต่อตัวแพงกว่าอีกร้าน แต่คุณภาพสินค้าเหมือนกัน แต่ในกรณีนี้ดูได้ไม่ยากค่ะ ส่วนใหญ่ราคาขายจะอยู่ใกล้ๆ กัน ไม่ห่างกันมากจนเกินไป เช่น ร้านที่ 1 ราคา 330 บาม ร้านที่ 2 ราคาขายอยู่ที่ 399-420 บาท อันนี้สังเกตกันได้
  - กรณีถ้าเป็นเสื้อแฟชั่น ใส่เที่ยว ใส่ทำงาน เป็นผ้าสีเดียว หรือลูกเล่นไม่เยอะ ถ้าเราไปเจอราคาที่ถูกกว่า เป็นไปได้ว่า ด้วยความยากของตัวงานสามารถทำขึ้นเองในประเทศได้ไม่ยาก ก็อาจจะมีพ้อค้า-แม่ขายหัวใส่ใจกลางกรุงฯ นำไปผลิตเองในประเทศ หรือโรงงานที่รับผลิตถูกกว่า อันนี้ก็จะได้ต้นทุนการนำมาขายที่ถูกลงมากๆ เผลอๆ คุณภาพสินค้าดีเทียบเท่ากับพวกราคา 400-500 บาทที่เราซื้อจากของนอก เป็นต้น

ทั้งนี้ก็ยังมีอีกหลายๆ กรณีที่ยังไม่เจอค่ะ สามข้อที่กล่าวมา แค่ที่อ้อมเห็นมานะคะ ยังไงถ้ามีโอกาสลองไปเดินแถวแพททินั้ม ประตูน้ำ เล่นๆ ดูก่อนได้ค่ะ ลองไปถามเขาว่ามีร้านขายเสื้อผ้าประมาณนี้ หรือแบบนี้ไหม เผื่อได้ของถูกมาขายต่อ แต่ก็อย่างว่านั่นหมายความว่าเราต้องสต๊อคสินค้าเองซะแล้ว แต่ถ้าเรามองในมุมกลับกัน ถ้าสินค้าขายไม่ดี เขาจะนำมาผลิต่อยยอดที่เมืองไทยทำไม ก็ได้อีกมุมนึงเนาะ

- คนขายเยอะจังเลย การแข่งขันสูงมากๆ สู้ไม่ไหวแน่ๆ  อันนี้เชื่อว่าเป็นกันเกือบจะทุกร้านที่มีความคิดนี้ อย่างแรกเลยคือ สิ่งที่เราทำขึ้นมา ดีแค่ไหน มีคุณภาพหรือไม่ หรือทำแบบเล่นๆ พอผ่านๆ ให้รู้เฉยๆ 1. ทำดีที่สุดแล้วหรือยัง ถ้าหน้าร้านเราดูดี มีคุณภาพแน่นอนว่าก็จะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อถือ และมีโอกาสมากๆ ที่เขาจะกลับมาซื้อใหม่ และเป็นกระบอกเสียงให้เราได้อีกทางนึง ส่งผลไปถึงความน่าเชื่อถือในตัวสินค้าอีกด้วย ถ้าในสิ่งที่เราทำยังไม่ดีพอ โดยวัดจากสายตาเพื่อนๆ หรือพี่-น้องก็ได้ว่าเขาคิดยังไง แล้วเราก็เก็บมา แล้วค่อยๆ ปรับแต่งไปทีละนิด ทำให้ดีที่สุดในส่วนนี้ก่อน  และถ้าทำแล้วยังไม่ได้ผล 2. มีการโพสกระจายสินค้ามากพอหรือยัง  ให้ดูว่าเราได้กระจายสินค้าของเราให้คนบนโลกออนไลน์รู้มากน้อยแค่ไหนไม่ว่าจะเป็น Social เช่น เฟสบุ้ค, อินสตาแกรม, ไลน์, Google plus เป็นต้นอันนี้แค่หลักๆ รวมไปถึงเว็บประกาศทั่วไป การแลกลิงค์กับเว็บอื่นๆ  ถ้าทำในข้อแรกดีที่สุดแล้วหน้าร้านดูดีแล้ว ยังไม่ดีขึ้นมาดูข้อนี้อีกค่ะ ค่อยๆ โพส ค่อยๆ กระจายสิ่งที่เราจะขายสิ่งที่เรากำลังทำให้คนบนโลกออนไลน์ทราบ อย่าลืมเน้นให้เขามาร่วมกด Like แฟนเพจเราด้วย เพื่อที่จะได้กระจายสินค้าได้ง่ายๆ ค่ะ   3. มีการจัดโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถมแล้วหรือยัง ถ้ามีแล้วให้ทำอีก หมดกิจกรรมนี้ ต่อด้วยกิจกรรมนั้น โดยส่วนใหญ่ถ้า ซื้อ-ขายสินค้าอออนไลน์ ที่นิยมทำกันคือ สะสมแต้มรับส่วนลด, รีวิวสินค้าส่งเมลล์กลับมารับส่วนลด,  จัดส่งฟรีทั่วประเทศแบบลงทะเบียน เป็นตัน ยังไงสามารถคิดกิจกรรมใหม่มาเสริมกันได้เรื่อยๆ นะคะ

- ผมเป็นผู้ชายจะขายเสื้อผ้าผู้หญิง มันก็คงดูแปลกๆ อ่ะเนาะ ช่วงนี้มีเรื่องนี้มาเยอะมากๆ ส่วนใหญ่ จะเป็นผู้ที่รู้เรื่องทางเทคนิคเช่น SEO การทำเว็บฯมาก่อนแล้ว อยากจะขายสินค้าเสื้อผ้าของผู้หญิงบ้าง เพราะเห็นขายดี ขายกันเยอะ ต้องทำไง หรือทำได้ไหม คำตอบคือ ทำได้ค่ะ แล้วก็ทำกันเยอะด้วย  สำหรับท่านที่อาจจะยังไม่มั่นใจ อ้อมแนะนำว่าต้องเข้าใจความเป็นผู้หญิงสักหน่อยเพราะ เขาจะละเอียดนิดนึง เช่นถามไซต์เสื้อ, ขนาดหน้าอกเท่าไหร่, เอวเท่าไหร่, บางครั้งก็ หน้าอกขนาดฉันใส่ชุดนี้ได้ไหมคะ ทั้งๆ ที่หน้าเว็บรายละเอียดเราได้บอกไปหมดแล้ว แต่ก็เพื่อความแน่ใจ ได้ยินเสียงคนขายก็ทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น ลูกค้าก็เลือกที่จะโทรมาถาม คำพูดเหล่านี้ถ้าเป็นผู้หญิงกับผู้หญิงคุยกันจะไม่มีคิดเล็กคิดน้อย แต่ถ้าเป็นผู้ชายเป็นคนขาย ก็จะทำให้เกิดความอึดอัดเวลาพูด หรือเกรงใจเวลาขาย ส่วนนี้อ้อมแนะนำอย่างแรกเลยคือ การลงรายละเอียดสินค้าควรชัดเจนทุกบรรทัด ทุกถ้อยคำ อาจจะมีการแบ่งสี หรือทำกราฟฟิคบอกสัดส่วนของชุดเพื่อหลีกเลี่ยงการคุย หรือสื่อสารทางโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นการโพสประกาศ หรือลงสินค้าภายในร้านก็ตาม เพราะอาจจะทำให้ทั้งคนซื้อ และคนขายรู้สึกอึดอัด แต่ถึงกระนั้น อ้อมคงบอกไม่ได้ว่าลูกค้าจะไม่โทรมาถาม เพราะยังไงซะ เราอาจจะต้องคุยบ้าง เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอีกทางนึง แต่การคุยก็อาจจะต้องนุ่มนวล และใส่ใจในรายละเอียดของลูกค้าสักนิดนึงจ้า

- เราเริ่มจากเป็นตัวแทนจำหน่ายนะแต่ท้อมากเลย  บางท่านอาจมีคำถามที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้คือ เราก็เริ่มจากเป็นตัวแทนจำหน่ายแล้วนะ แต่เหนื่อยใจมากๆ เลย ยอดคนกด Like ก็ไม่มี คนซื้อก็ไม่มี ทำไงถึงจะมีคนกด Like อ่ะ คุณอ้อมมมม ช่วยด้วยยย 
สิ่งที่อ้อมเห็นได้อย่างชัดเจนกับหลายๆ ร้านที่เปิดใหม่ คือ ความคาดหวัง   คาดหวังว่าเราจะขายได้ เพื่อนจะมากด Like บ้างล่ะ เดี๋ยวเพื่อนจะมาซื้อบ้างล่ะ เป็นต้น อ้อมอยากให้ลองเปลี่ยนมุมมองนิดนึงค่ะ  การทำร้านขายของออนไลน์ ก็เหมือนกับเราเปิดร้านจริงๆ ถ้าทำเลที่ตั้งของเราไม่มีคนเดินโอกาสที่จะมีคนมาซื้อสินค้าก็ยากตามไปด้วย ดังนั้นถ้าเราตั้งเป้าหมายว่าจะขายให้ได้ หรือ เดี๋ยวก็ขายได้ อันนี้อาจจะท้อ และเลิกทำไปก่อน  
สิ่งสำคัญในช่วงของการเริ่มกิจการ คือ ทำยังไงถึงจะให้คนเข้ามาเห็นสินค้าของเรา รายละเอียดพวกนี้อ้อมเคยแชร์ไว้ในบทความก่อนหน้าแล้ว เราต้องมองว่าเราเป็นลูกค้าคนนึง เข้ามาเห็นร้านนี้ แล้วคิดยังไง ความต้องการคืออะไร เอาง่ายๆ เวลาเราเดินห้างสรรพสินค้า เราเข้าไปบางครั้งก็ไม่ได้ไปซื้อสินค้าทุกครั้ง บางครั้งเราก็อยากเข้าไปเดินเล่นด้วย เหมือนกันค่ะ อยากได้ยอด Like ก็ต้องมีสิ่งที่โดนใจ ถูกใจคนที่เข้ามาดูในเพจ เช่น รูปภาพ, วิดีโอ, คำกลอนโดนๆ หรือเกรียนๆ เกาะติดสถานะการ ในช่วงแรกๆ ให้โพสแบบนี้ไปก่อน สลับกับการโพสขายสินค้า แต่ให้คิดในใจว่าเราต้องทำให้คนมากด Like ให้ได้เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน ถ้าขายได้บ้างในช่วงแรกๆ คือกำไรชีวิตที่ทำให้เรามีแรงเดินต่ออีก คิดให้ได้อย่างนี้ก่อนนะคะ จะได้ไม่ท้อ ตัวอย่างการทำเพจอ้อมเคยแชร์ไปแล้ว ในบทความตอนแรกๆ มียอด Like ไม่กี่ร้อย แต่ตอนนี้มากกว่า 2,000 like เข้าไปแล้ว และมีมาทุกวัน เพจนั้นอ้อมกะจะขายของพวกงานประดิษฐ์ DIY ค่ะ ลองเข้าไปดูก่อนได้ จะเห็นว่าในเพจอ้อมยังไม่ลงขายสินค้าเลย โพสแต่รูปงานประดิษฐ์ล้วนๆ ถ้าเราจะขายเสื้อผ้าออนไลน์ อ้อมก็จะโพสรูปการแต่งหน้า ทำเล็บ รูปสัตว์เลี้ยงน่ารัก น้องหมา น้องแมว เป็นต้น รูปพวกนี้หาได้หลายๆ ที่ เช่น pinterest.com/all/hair_beauty เป็นต้น พวกนี้เรียก Like ได้ค่ะ แต่ถ้าอยากได้ Like เร็วๆ ใจร้อน อันนี้คงต้องลงทุนค่ะ ซื้อโฆษณาแบนเนอร์เฟสบุ้ค หรือจ้างโพสสินค้ากระจายไปให้มากที่สุด ราคาถูกๆ เพียบเลยค่ะ อันนี้ก็จะเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก แต่ต้องตามมาด้วยค่าใช้จ่าย ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ถ้าคิดว่าเพื่อโอกาสที่จะขายได้ ทั้งวันนี้ และวันข้างหน้า ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ะ ลงไปสักครั้งสองครั้งเพื่อให้เกิดการต่อยอดในช่วงแรกๆ


ทั้งหมดที่อ้อมแชร์ในบทความนี้ จริงๆ มันคือส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ จากที่อ้อมสร้างบล็อคมาตั้งแต่แรกเริ่ม อ้อมเองไม่ได้บอกว่างาน ซื้อ-ขายของออนไลน์ เป็นเรื่องง่าย แต่อ้อมก็ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องยาก สิ่งที่อ้อมพยายามแนะนำ หรือแชร์เรื่องราวให้ฟัง ความอดทน ใจเย็น เก็บเล็กผสมน้อย ไม่มีเวลาก็แตะวันละนิด เพิ่มพูนวันละหน่อย และก็เพื่อให้คนที่สนใจมาเก็บเป็นข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจ ก่อนที่จะเข้ามาจับธุรกิจนี้ อ้อมเชื่อว่า  ไม่ว่าสายงานไหนๆ ก็มีเรื่องที่ต้องแก้ไข มีปัญหาที่ต้องรับมือกันทั้งนั้น แต่ขึ้นอยู่กับเราเองที่จะยอมรับ และปรับตัว รับมือกับสิ่งที่เจอได้มากแค่ไหน  บางเรื่องมีถูกใจบ้าง บางเรื่องสมหวังบ้าง แต่ทุกๆ เรื่องมันก็คือสิ่งที่เราต้องเดินผ่านไปให้ได้ ทำไปสักระยะนึงแล้วลองหันกลับมามองตัวเองตั้งแต่แรกดูว่า กว่าเราจะมาถึงจุดนี้ มันง่าย หรือยากยังไง แล้วเราจะรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่เราได้พยายามสร้างมากับมือ อ้อมเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ๆ และอย่ายอมแพ้นะคะ  ตัวอ้อมเองก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องรู้ และค่อยๆ ปรับตัวไปทีละนิด เจออะไร ประสบพบเห็นอะไร ถ้ามีประโญชน์อ้อมก็จะเอามาแชร์ให้รู้ก่อน เป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนจ้า
บทความใกล้เคียง



เรียบเรียง และเขียนขึ้นโดย
~♥ แม่ค้าอ้อม ♥~
..........................

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีเปลี่ยนตำแหน่งจัดเก็บโฟลเดอร์ของ GOOGLE DRIVE ในคอมพิวเตอร์

ให้ไอมาโครส่งข้อความ facebook ถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคุณ

พรีออเดอร์คืออะไร ?