วัดใจมือใหม่ขายของ ปัญหาที่จะเจอ เลิกขายหรือทำต่อ

สวัสดีจ้า วันนี้อ้อมจะขอนำเสนอบทความสำหรับคนที่อยากขายของออนไลน์ แต่เจอปัญหาหลายอย่างจนท้อใจ หรือหนักสุดก็เลิกทำกันไปเลย บทความนี้อ้อมจะบอกถึงความจริงกับสิ่งที่แม่ค้ามือใหม่จะเจอกับการเริ่มธุรกิจของตนเอง เพื่อการเตรียมใจ และเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่เราจะต้องเจอหรืออาจจะเจอ

วัดใจมือใหม่ขายของ ปัญหาที่จะเจอ เลิกขายหรือทำต่อ
วัดใจมือใหม่ขายของ ปัญหาที่จะเจอ เลิกขายหรือทำต่อ

วัดใจมือใหม่ขายของ ปัญหาที่จะเจอ เลิกขายหรือทำต่อ

อยากทำอ่ะ แต่ติดนั่นติดนี่

ลองสังเกตตัวเองดูค่ะว่าเราเป็นแบบนี้หรือเปล่า เห็นคนอื่นเขาขาย เราก็อยากทำบ้าง แต่ก็ยังติดหลายอย่างเลย ไหนจะทำงานประจำ กว่าจะกลับบ้านก็สองทุ่ม สามทุ่มแล้ว พอถึงบ้านก็เหนื่อยแทบแย่ หัวถึงหมอนหลับเป็นตาย เราคงทำไม่ได้หรอกมั้ง

หากคุณเป็นหนึ่งในกรณีนี้ คงต้องลองเปิดใจ สักนิดว่าสิ่งที่เราทำทุกวันนี้ตอบโจทย์ความต้องการของเราแล้วหรือยัง ถ้าสบายใจกับสิ่งที่ทำอยู่แล้วแนะนำว่าให้ทำต่อไปเลยจ้า ทำแล้วมีความุขก็สู้ให้ถึงที่สุดกันเลย แต่ถ้ายังไม่ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิต อาจจะต้องมองดูทางเลือกอื่นๆ ที่จะทำให้เราก้าวไปสู้เป้าหมายอีกเส้นทาง อ้อมเองก็เคยเป็นมาก่อนค่ะ อย่างที่บอกไปในบทความก่อนหน้า (อยากขายของออนไลน์ทำไง เคล็ดลับ-แนวทาง-บอกเล่าให้เห็นภาพจากประสบการณ์จริง) ตอนที่เริ่มขายของใหม่ๆ อ้อมให้เวลากับการทำงานส่วนตัวคือหลังจากเลิกงานแล้วจริงๆ ไม่นับรวมกับรับโทรศัพท์นะคะ เพราะตั้งสั่นไว้ ช่วงนั้นสะดวกก็รับ ไม่สะดวกก็บอก "เดี๋ยวแม่ค้าโทรกลับนะคะแป้บนึงค่ะ" มีเวลาวันละชั่วโมง สองชั่วโมง จริงๆ ค่ะช่วงนั้น แต่ก็คิดว่าเราจะได้อะไรบ้างกับสิ่งนี้ ก็เลยตั้งใจมุ่งหน้า กว่าจะอาบนอนก็เกือบตีหนึ่งเลยค่ะ ดังนั้นแม้จะเป็นเวลาเพียง 5 นาที 10 นาทีหรือ 30 นาที ก็ขอให้เราทำ เปรียบเหมือนการเติมเหรียญลงในแก้ว เติมลงไปทีละเหรียญก็จริงแต่เราทำทุกวันๆ แล้วคุณจะเห็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลง เองค่ะ ถ้ามี 2 คนทำด้วยกันยิ่งดีเลยค่ะ จะได้เป็นแรงผลักดัน ทำคนละเว็บ แล้วค่อยมาแชร์กัน วันนี้เธอทำอะไรไปบ้าง จะได้แชร์กันได้ หากมีสักคนหยุดทำ หรือไม่ได้ทำต่อ เราก็จะเห็นจุดต่างแล้วค่ะ เพราะถ้าเราทำทุกวัน เหรียญที่เราหมั่นเติมก็จะเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อยๆ แน่นอนค่ะ

ความคิดฟุ้งเหมือนดั่งก้อนเมฆ

แน่นอนว่าคนที่อยากเป็นพ่อค้าแม่ขาย คงต้องคาดหวังถึงสิ่งที่ตัวเองจะได้รับ กระบวนการทำงานที่เหมือนจะง่ายมากๆ ใครๆ ก็ทำได้ อ้อมกำลังหมายถึง ความคาดหวังค่ะ เป็นเรื่องที่ดีกับการที่เราคาดหวัง แต่อีกมุมหนึ่งควรคิดในแง่ลบเอาไว้บ้างก็ดีค่ะ จะได้เตรียมตัวได้ถูก คงเคยได้ยินกันแล้วนะคะว่า อย่าคาดหวังอะไรมากเกินไป เพราะถ้าผิดหวังมาเราเองที่จะเจ็บ
คงแนะนำเรื่องการคิดวางแผนสำหรับเริ่มธุรกิจของตัวเอง ควรคิดถึงหลักของความจริงค่ะ  ทั้งทางที่เป็นไปได้ และทางที่อาจผิดพลาด เตรียมแผนรับมือเอาไว้
แหม! แค่พูดมันก็ง่ายน่ะสิ อ้อมทำแบบนี้ค่ะ สำหรับเรื่องแผนทำงาน อ้อมได้แชร์เอาไว้ในบทความก่อนๆ แล้วค่ะ ส่วนเรื่องปัญหาที่เกิดในช่วงทำงาน ตอนเริ่มแรกอ้อมใช้วิธีคุยกับแฟน และเพื่อนๆ ตลอด ทั้งเพื่อนที่ทำด้วยกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ปัญหาคืออะไร แชร์ให้เขาฟัง แล้วเขาจะให้คำแนะนำในแง่มุมของ เขา แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรล่ะ บางคนอาจมีคำถามในใจ สิ่งที่เราจะได้รับคือ ระบายความอัดอั้นตันใจ ได้แง่มุม วิธีแก้ไขปัญหาจากคนที่เราไว้ใจ แนะนำว่าควรคุยกับคนที่จะไม่ซ้ำเติมเราด้วยนะคะ เพราะคนกลุ่มนี้มักมองโลกอีกแบบนึง แต่อย่าไปอคติกับเขานะคะ เพราะนั่นอาจจะเป็นลูกค้าเราก็เป็นได้ คนที่คุณสามารถคุยด้วยได้ดีที่สุดคือ พ่อ-แม่, พี่-น้อง, แฟน, เพื่อนสนิท คนที่คุณไว้ใจที่สามารถรับฟังปัญหา จากคุณได้ดีที่สุด  พอเราฟังเยอะ เจอปัญหาเยอะ ได้เรียนรู้และแก้ไขเยอะ เราก็จะรู้ และแก้ปัญหาได้เอง ทั้งยังเป็นสิ่งที่เราจะนำไปใช้กับงานอื่นๆ ได้ด้วยค่ะ ขอบอกว่าสิ่งเหล่านี้ในสถานศึกษาไม่มีสอนนะคะ

แค่จะเริ่มก็งงแล้ว ไหนก่อน ไหนหลัง 1 2 3...

เอาแบบง่ายๆ ไม่ต้องคิดมากเลยนะคะ เชื่อว่าหลายคนคงคิดได้อยู่แล้วล่ะ ว่าควรทำยังไงก่อนจะเริ่มขาย ของออนไลน์ แต่เพราะมีหลายอย่าง หลายสิ่งที่ต้องจัดการ มือใหม่เป็นกันเกือบทุกคนเลยจ้า ทำให้กระบวนการทำงาน และการเริ่มต้นสับสน จนไม่รู้ว่าควรเริ่มแบบไหนก่อน แบบไหนหลัง
ขั้นแรกเลยคือ
ตั้งสติก่อนสตาร์ท! ถ้าอยากขาย

  • ==> ก็ต้องรู้ว่าจะขายอะไร 
  • ==> ติดต่อเพื่อขอนำสินค้าเพื่อไปโปรโมท 
  • ==> มีสินค้าแล้วก็ต้องมีร้านขายจะเปิดเว็บฯหรือ Facebook ก็ได้(แนะนำเป็น Facebook ก่อน) 
  • ==> รวบรวมรายละเอียดของสินค้าที่จะ นำมาลงเว็บฯหรือแฟนเพจ เก็บไว้เป็นกลุ่มแยกรหัส เขียนราคาไว้ใน excel 
  • ==> นำสินค้ามาลงเว็บฯ หรือแฟนเพจ ลงสินค้าทุกวันๆ 
  • ==> พอมีสินค้าในเว็บฯหรือแฟนเพจบ้างแล้ว ก็เริ่มโปรโมท 
  • ==> จัดหารูปหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสินค้ามาโพสในแฟนเพจ เพื่อเรียกยอด Like 
  • ==> จัดกิจกรรมเพื่อเรียกลูกค้า เช่น ส่วนลดเมื่อซื้อครบ 1,000 บาท, จัดส่งฟรีเมื่อซื้อตั้งแต่ 2-3 ตัวขึ้นไป เป็นต้น 
  • ==> เป็นไปได้ควรแนะนำให้ลูกค้า ถ่ายรูปใส่เสื้อผ้าที่ซื้อไป เพื่อที่เราจะนำมาจัดทำเป็นอัลบั้มภาพความประทับใจ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ร้านเรา และตอบแทนด้วยรางวัลส่วนลดในการสั่งซื้อครั้งต่อไป 
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหลักๆ ที่เราควรวางแผนในการทำงานแต่ละวันให้ดี วันนี้ทำอะไรถึงไหน พรุ่งนี้ทำอะไรต่อ ประมาณนี้ค่ะ แต่ถ้ามีมากกว่านี้ก็แนะนำกันเข้ามาได้แช์กันพูดคุยกันได้จ้า

ไม่เคยทำเว็บอ่ะ จะขายยังไง? จะทำยังไง?

ตอนนี้มีหลายๆ ที่เปิดให้บริการเกี่ยวกับร้านค้าออนไลน์ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องไปจัดสร้างเว็ปไซน์ ให้ยุ่งยาก เช่น Welove Shopping, Facebook, Instagram เป็นต้น สำหรับใครที่อยากโปรโมทเว็บท่าน สามารถคอมเม้นแนะนำมาได้นะคะ อ้อมยินดีเป็นสื่อกลางให้ค่ะ ส่วนที่ว่าทำไมอ้อมถึงพูดถึงเฉพาะวีเลิฟ นั่นเป็นเพราะอ้อมเคยใช้บริการมาก่อนค่ะ เลยกล้าพูดว่าดีไม่ดียังไง สำหรับคนที่เริ่มแรก มือใหม่ แนะนำว่าอย่าเพิ่งไปลงทุนมาก ให้ใช้บริการที่เปิดให้ฟรีๆ ไปก่อน เช่น Facebook, Instagram เป็นต้น ที่ควรลงทุนอาจจะเป็นหนังสือวิธีการสร้างแฟนเพจค่ะ จะบอกได้โดยละเอียดกว่าค่ะ
ขั้นตอนการทำงานถ้าเป็นแฟนเพจคงไม่อธิบายมาก เพราะเขื่อว่าทุกคนคงคุ้นเคยกับเครื่องไม้เครื่องมือกันอยู่แล้ว ส่วนเว็บให้บริการอื่นๆ อันนี้ต้องขอคู่มือจากเว็บผู้ให้บริการ แล้วใช้เวลาศึกษา และค่อยๆ ทำตามไปทีละขั้นตอนจนเราคุ้นเคยกับระบบ หากเกิดปัญหา เกิด Error ให้รีบปริ้นสกรีนภาพไว้ เพื่อส่งแจ้งให้ผู้บริการแก้ไขปัญหาให้เรา พยายามลองเข้าไปใช้งานให้ได้ทุกระบบนะคะ เพราะเราได้เสียเงิน และเสียเวลาจัดสินใจใช้บริการไปแล้ว เราก็ต้องเรียนรู้ว่าเครื่องมือที่เราใช้อยู่สามารถทำอะไรได้บ้าง ทำจนคุ้นเคย จนเป็นนิสัยเลยก็ได้จ้า เวลาไปเจอเครื่องมืออื่นๆ จะได้ง่ายสำหรับเราค่ะ

ลูกค้า 100 คน 100 บุคคลิก

แน่นอนค่ะ คนหมู่มากนิสัยก็คงไม่เหมือนกัน ยิ่งลูกค้าแล้วล่ะก็ เสียเงินมาทั้งทีก็คงมีความคาดหวังสูงสำหรับสิ่งที่จะได้ หลายๆ ครั้งที่อ้อมเคยเจอลูกค้าบ่นเรื่องการถูกโกงถูกเอาเปรียบ จากร้านค้าออนไลน์รายอื่น อ้อมก็รับฟังและพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้ร้านเราเอง, ในบางครั้งสินค้าที่อยู่ในรูปกับสินค้าจริงๆ ที่มาก็อาจจะไม่เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์ เวลาลูกค้าโทรมาเพื่อสั่งซื้อ อ้อมก็ใช้วิธีพูดถึงสินค้าในความเป็นจริงเลย และถ่ายรูปภาพจริงส่งให้ลูกค้าดู เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ เพราะถ้าของไม่ถูกใจส่งไปก็ต้องมีปัญหาอยู่ดีค่ะ พยายามสร้างความจริงใจ และใส่ใจกับลูกค้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ
หากมีคำถามจากลูกค้าผ่านหน้าเพจ ควรตอบกลับโดยเร็ว หรือโทรหาลูกค้าถ้าสะดวก เพราะลูกค้าจะให้ความรู้สึกที่ดีกับร้านที่ให้บริการที่เป็นกันเองและ ตอบกลับเร็วค่ะ ที่สำคัญคือ ต้องใจเย็นๆ กับทุกๆ กรณีที่เข้ามา นะคะ

ลูกค้าโวย!...โอ้ย!..ทำไมฉันต้องเจอ

หากเจอลูกค้าโวย อ้อมจะใช้วิธีการนิ่ง และค่อยๆ ถามถึงสาเหตุ พยายามอย่าใส่อารมณ์กับลูกค้า   และให้สิ่งที่เขาต้องการเพื่อรักษาความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือของแบรนด์เรา เช่นต้องการคืนเงิน หรือเปลี่ยนของ แต่ทั้งนี้ก็ต้องอธิบายเงื่อนไขว่าเราจะคืนของในกรณีใดบ้าง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าไปอ่านเงื่อนไขการซื้อสินค้า,
ที่อ้อมเคยเจอกรณีขอคืนของที่แปลกที่สุดคงจะเป็นสาเหตุมาจากเพราะ "ชุดมันยับน่ะค่ะ" ฟังจบอ้อมก็อึ้งไปพักนึง ชุดยับ ตอนนั้นอ้อมก็คิดในใจว่าไม่เป็นไร ถ้าลูกค้าไม่สบายใจที่จะรับไว้ อ้อมก็เลยรับคืนของชิ้นนั้นค่ะ แต่เพราะสินค้าชิ้นนั้น อ้อมมองว่าสวยอยู่แล้ว ถือเป็นสินค้าหลุดจอง และก็มีคนจองสินค้าชิ้นนั้นพอดี ก็เลยนำกลับมาขายได้อีกค่ะ ที่สำคัญสำหรับหัวข้อนี้ คงต้องใจเย็นๆ แน่นอนว่าสิ่งที่จะเกิดกับเราคือ อาการเสียความรู้สึก เพราะเราเองก็ทำเต็มที่จริงๆ พยายามแก้ปัญหาให้จบ อย่าลืมนะคะ ให้ใจลูกค้าให้มากที่สุด แต่อย่าท้อนะคะ เมื่อแก้ไขปัญหาเสร็จ อ้อมเอาตัวเองออกจากจุดนั้นแล้วไปเดินเล่น หาไรทาน เบาๆ ชิลๆ ไม่คิดเรื่องนี้อีก เอาตัวเองออกไปจากสิ่งนี้สักพักแล้วค่อยกลับมาเดินหน้าต่อค่ะ ถือเป็นการอัพเกรดประสบการณ์ของตัวเอง เพื่องานหน้าจะได้หาทางแก้ไข คิดเอาไว้ว่าคนที่ไม่เคยเจ็บ คนที่ไม่เคยผิดพลาด คือคนที่ไม่เคยทำอะไรอย่างจริงจัง แต่ให้ดีคือ อย่าให้เจอหรือเจอให้น้อยที่สุดจะดีมากค่ะ แต่มองในแง่ดีคือ เมื่อเราเจอกรณีแบบนี้เราก็จะได้รับรู้ความต้องต้องโดยตรงจากลูกค้า และรู้จุดบอดของเรา ซึ่งถือเป็นกำไรที่หาเรียนที่ไหนไม่ได้จริงๆ และประสบการณ์พวกนี้ จะนำพาเราไปถึงเป้าหมายในที่สุด ดังนั้นอย่ากลัวที่จะเจอกับลูกค้าประเภทนี้นะคะ

ลดหน่อยสิ เดี๋ยวมาซื้อใหม่

กรณีแบบนี้เจอบ่อยมากๆค่ะ ก็นะเข้าใจว่าทุกคนต้องขอลดราคาอยู่แล้ว แนะนำว่าควรมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในแง่ของการสั่งซื้อ 2 ครั้งได้รับสิทธส่วนลดในการสั่งซื้อครั้งต่อไป หรือ ซื้อ 2 ชิ้นขึ้นไป ได้รับส่วนลดเท่านั้นเท่านี้ เพื่อเป็นการเชิญชวนและ เป็นเหตุผลที่เราจะสามารถคุยกับลูกค้าได้ เวลาเจอลูกค้าขอส่วนลด เราเองก็ศามารถโปรโมทกจกรรมดีๆ ของเราให้ลูกค้าได้รู้ และอาจจะตัดสินใจร่วมกิจกรรมของเรา เพราะได้ส่วนลดมากกว่า ขอลดราคาแน่ๆ

ลูกค้าสั่งจากเมืองนอกอ่ะ ทำได้ไหม

จริงๆ ก็สามารถทำได้ค่ะ แต่เราต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงเรื่องของราคาการจัดส่ง เพราะการส่งของไปต่างประเทศจะคำนวณจากน้ำหนัก เรื่องนี้อาจจะต้องปรึกษาทางไปรษณีย์โดยตรง ส่วนใหญ่อ้อมจะดูสินค้าที่เราขายด้วย ว่าในเว็บดังๆ เช่น Amazon, eBay เขามีขายหรือไม่ หากมีขายอ้อมจะแนะนำให้เขาไปซื้อที่นั่นเลย เพราะตอนนั้นอ้อมยังไม่พร้อมจะเปิดตลาดต่างระเทศค่ะ อีกอย่างถือเป็นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับลูกค้าด้วยค่ะ

สินค้ามีตำหนิ ขอคืนเงิน

ก่อนอื่นเลยต้องใจเย็นๆ และค่อยๆ สอบถามลูกค้า ว่าเกิดตำหนิอะไร ตรงไหน และให้ลูกค้าถ่ายรูปจุดที่เป็นตำหนิมาให้เรา เพื่อที่เราจะได้ส่งไปให้ทางต้นสายของร้านเราได้รับรู้ และส่งของชิ้นใหม่ไปทันที โดยความรับผิดชอบ โดยส่วนใหญ่ร้านต้นสังกัดจะเป็นคนรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น และอย่าลืมแจ้งให้ลูกค้าส่งของชิ้นนั้นกลับมา เพื่อที่จะได้นำกลับไปขอสินค้าชิ้นใหม่ได้ ทั้งนี้ควรคำนึงถึงความรู้สึกของลูกค้าเป็นสำคัญนะคะ และทุกครั้งที่มีการแจ้งสินค้ามีตำหนิ ควรแจ้งข้อมูลเงื่อนไขการคืนของให้ลูกค้าทราบด้วยนะคะ เพื่อที่ลูกค้าจะได้เข้าใจเวลาสั่งซื้อของจากเราในงวดหน้า หากกรณีที่ต้องคืนของดังกล่าวไม่เข้าเงื่อนไขที่สามารถคืนได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับเราแล้วล่ะค่ะ ว่าจะซื้อใจลูกค้าหรือ ปล่อยไปเลย ส่วนใหญ่ของอ้อมเองเลือกที่จะซื้อใจลูกค้าค่ะ ขอของคืนและเสนอให้เลือกชุดใหม่ไปแทน หรือคืนเงิน ประมาณนั้นค่ะ ยอมรับว่าแรกๆ ก็ขัดกับคามรู้สึกในใจเพราะ เราเองก็ไม่เคยขายของแบบจริงจังมาก่อน เจอแบบนี้ก็รู้สึกว่าเราไม่ได้รับความยุติธรรม แต่คิดในมุมกลับกัน ลูกค้าเองก็รู้สึกแบบเดียวกันค่ะ ดังนั้นเพื่อให้ลูกค้าสบายใจ และไม่รู้สึกแย่ไปกว่านี้ มันก็คุ้มที่จะเลือกซื้อใจลูกค้า

เบื่อ เบื่อ เบื่อ

เป็นธรรมดาของคนเพิ่งเริ่มขายในช่วงแรกๆ อาจจะ 1 เดือน หรือ 2 เดือนเลยล่ะ กว่าร้านจะลงตัว เข้าขั้นว่าเหนื่อยเลยล่ะ เพราะปกติ ก็ นอน ดูหนัง เดินเที่ยวเล่น ชิลๆ ในช่วงวันหยุด แต่ตอนนี้กลับต้องมาทำอะไรก็ไม่รู้ ลูกค้าก็ไม่ค่อยมี จะขายได้เหรอเนี่ย แหมๆ ดูเหมือนเหตุผลทุกอย่างจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเลยในช่วงนั้น
ช่วงแรกๆ อ้อมก็เป็นแบบนั้นค่ะ อ้อมคงไม่บอกว่าทำไปเถอะ เพราะความรู้สึกของแต่ละคน ก็ไม่เหมือนกัน สถานการณ์ อารมณ์ที่เจอก็ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่อ้อมจะแนะนำคือ  ถ้าไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำ เอาตัวเองออกจากจุดนั้นไปเลยค่ะ ถ้าเกิดอารมณ์เบื่อ อะไรที่ไหนก็ไม่สามารถ บอก หรือสอนให้เราทำอะไรที่ขัดกับความรู้สึกได้แน่ๆ  ออกไปเดินเที่ยว ดูหนัง ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ อะไรก็ได้ที่ทำแล้วเราจะรู้สึกสบายใจที่ได้ทำ อ้อมเคยหยุดไปเป็นอาทิตย์เลยค่ะ เพราะเหนื่อยมากๆ ตอนนั้นยังทำงานประจำอยู่ด้วย ที่สำคัญที่สุดอย่าทิ้งนะคะ นิดเดียวก็ยังดี วันละนิดวันละหน่อยเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ว่าอะไรที่เราคิดจะเริ่มทำ จุดเริ่มต้นเป็นสิ่งที่ยากที่สุดค่ะ

ทั้งหมดนี้เป็นบทความที่อ้อมอยากจะแชร์ให้เห็นถึงสิ่งที่คุณจะได้เจอ หรืออาจจะเจอ สำหรับงานขายของใน 2 เดือนแรกจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะมีกรณีต่างๆ ที่มากกว่าก็เป็นได้ เป้าหมายของอ้อมในการออกมาแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้ ก็อยากให้มีการวางแผนงาน ขั้นตอน ก่อน-หลัง ให้ชัดเจนสำหรับมือใหม่ผู้ที่อยากเป็นพ่อค้า-แม่ขายทั้งหลาย เพราะเส้นทางไม่ได้ราบเรียบเสมอไป หากมีเหตุการณ์ที่เราจะสามารถรับรู้ได้ก่อนที่จะลงมือทำ ก็น่าที่จะรับรู้เอาไว้ก่อน เพื่อเตรียมใจรับ อ้อมหวังว่าจะเป็นประการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจเรื่องการ ซื้อ-ขายของออนไลน์ แต่ถ้ามีกรณีไหนที่มีมากกว่านี้แตกต่างจากนี้อย่าลืมมาแชร์ประสบการณ์กันได้นะคะ แชร์มาได้ช่วยกันรับฟังช่วยกันแก้ไข ดีกว่าเก็บไว้คนเดียวจ้า ขอให้ขายดีกันทุกคนนะคะ ไว้เจอในบทความต่อไจ้า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีเปลี่ยนตำแหน่งจัดเก็บโฟลเดอร์ของ GOOGLE DRIVE ในคอมพิวเตอร์

ให้ไอมาโครส่งข้อความ facebook ถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคุณ

พรีออเดอร์คืออะไร ?