แบ่งปันให้รู้กัน กับ 5 คำถามมือใหม่ซื้อขายของออนไลน์จากเพื่อนๆ

สวัสดีจ้า ตามมาอีกบทความนึง ครั้งเป็นการนำประเด็นคำถามมาแชร์ให้ทราบกันด้วย อ้อมคัดมาจากหลายๆ คำถามที่ถามเข้ามานะคะ อันไหนเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์อ้อมก็จะนำออกมาแชร์ที่บล็อคนี้อีกทีจ้า เราไปเริ่มกันเลย

1. จะซื้อของจากจีนมาขาย แต่กลัวขายไม่ออก ไม่กล้าทำสต๊อก จะทำแบบพรีออร์เดอร์ ก็รอนานกว่าของจะเข้า

ตอบ. แนะนำว่า ถ้าเราพึ่งเริ่มทำงานด้านนี้ และยังไม่มีประสบการณ์ในสายงานนี้ ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายไปก่อนเลยจ้า  รายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นตัวแทนจำหน่ายเพิ่มความเข้าใจในสายงานดังนี้เลยจ้า http://goo.gl/50RPS5 เพราะการเป็นตัวแทนจำหน่าย สำหรับมือใหม่ถือว่า ไม่มีความเสี่ยง ได้เรียนรู้สินค้า เรียนรู้ระบบ เรียนรู้ลูกค้า
อย่าพึ่งไปมองว่าตัวแทนจำหน่ายไม่ดี เพราะเวลาขายได้ ของหมด  เพราะแรกๆ จุดยืนเราคือ การเรียนรู้ระบบงาน เมื่อเข้าใจภาพรวมและความต้องการของลูกค้าแล้ว ก็สามารถต่อยอดได้เองจ้า

แบ่งปันให้รู้กันด้วยกับ 5 คำถามจากเพื่อนๆ

2. ตั้งราคาขายไม่เป็น อย่างเสื้อผ้า ซื้อมาราคา 160 ไม่รู้จะบวกเท่าไหร ขายแพงก็กลัวไม่มีใครซื้อ ขายถูกก็กลัวขาดทุน

ตอบ.  การตั้งราคา เป็นอะไรต้องดูรายละเอียดงาน และรายละเอียดสินค้าด้วย  ราคาแพงไปคุณภาพสินค้าไม่ดี ก็อาจจะโดนตอบกลับไม่ดี และลูกค้าหาย  สรุปคือต้องดูคุณภาพสินค้าจ้า  คุณภาพดีในสายตาเราก็ขายแพงได้ ถ้าเป็นร้านอ้อมเอง อ้อมรับประกันความพึ่งพอใจแน่นอน แต่ถ้าร้านอื่นอันนี้ต้องลองสั่งมาดูสักตัว สองตัวจ้า เนื้องานค่าใช้จ่ายจิปาถะสำหรับการส่งงานให้ถึงมือลูกค้าเราก็ต้องบวกเข้าไปด้วย อย่าลืมว่าเราขายของ ไม่ได้ทำการกุศลเนาะ ดังนั้นต้องบวกเข้าไปด้วย

สำหรับเงื่อนไขการคิดราคา เบื้องต้นควรพิจารณาข้อมูลดังต่อไปนี้ :

• คุณภาพสินค้า รู้ได้จากการสอบถาม หรือสุ่มซื้อมาดูบางตัวสินค้า
• แยกค่าส่งออกจากราคาสินค้า หรือจะรวมไว้ในราคสินค้าเลยก็ได้
• ค่าส่งแบ่งออกเป็น EMS ถ้าร้านอ้อมคิด 60฿ และแบบลงทะเบียน ถ้าร้านอ้อมคิด 35฿ ทำไมถึงคิดราคานี้ เราต้องรวมราคาวัสดุอุปกรณ์เข้าไปในราคาขาย หรือราคาคาส่งด้วย ไม่งั้นขาดทุน
• ถ้าเรามีบริการเสริมดีๆ เช่น บริาการติดตามแท็คไปรษณีย์ เราก็สามารถคิดไปในราคาขายได้ด้วย 5฿ 10฿ ก็ว่ากันไปรวมไปในราคาหน้าร้านเลย ไม่ต้องคิดแยก
• การเป็นตัวแทนขายแรกๆ กลุ่มลูกค้าร้านเราน้อย เราควรบวกไปประมาณ 0.3 - 1 เท่าของราคาขายหน้าร้านที่เรารับของเขามา หรือจะขายราคาเท่ากับหน้าร้านเจ้าของสินค้าก็ได้ แต่หากเราโปรโมทดี มีลูกค้าเข้าเยอะ สามารถบวกไปได้มากกว่าที่แนะนำจ้า

3. มีแฟนเพจ คนไลน์หลักร้อยคน แต่ไม่มีใครสนใจสั่งของ(รู้สาเหตุแล้วว่าทำไม หลังจากอ่านบทความ) แต่อยากรู้ว่าพี่อ้อมประสบความสำเร็จ เรื่องการทำให้ลูกค้าสั่งซื้อของ พี่อ้อมลงทุนทำโฆษณาในเฟส ไปเท่าไหรค่ะ

ตอบ: ส่วนของแฟนเพจ อ้อมมีเอาไว้แชร์สินค้าออกจากหน้าร้านหลัก คือเว็บฯ www.asiastreetfashion.com ที่เน้นขายเดรส และกระเป๋าแฟชั่น เรื่องการโฆษณานานๆ จะทำครั้งนึงค่ะ ต่อเดือนก็ไม่เกินสองพันบาท อ้อมใช้บูทโพสเอาค่ะ  เน้นให้คนเห็นสินค้าหน้าร้าน เป็นหลัก ถ้าจะเน้นยอดขาย องค์ประกอบสินค้าเราต้องคุ้มที่จะลงทุนเยอะๆ เช่น ราคาสินค้าต้องสูงหลักพันอัพ หรือมีสต็อคแน่นอน หรือรู้สต็อคแน่นอน หรือเป็นสินค้าบริการที่มีน้อยมาก ประมาณว่าหายาก แค่บูทโพสไม่เท่าไหร่ก็มีคนมาจับจองสั่งซื้อกันแล้ว เป็นต้น(หรือเยอะจัง 55)
ส่วนใหญ่อ้อมเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมเรื่องการขายมากกว่าค่ะ สร้างบล็อค การโปรโมทของอ้อมจะไปทางโพสลง Social บ่อยๆ โพสประกาศเรื่อยๆ ของอ้อมมีเครื่องมือโพสประกาศที่ทำขึ้นเองค่ะ ก็โพสวันละร้อยเว็บฯขึ้นไป ตัวนี้ก็มีแนะนำและสอนกันแบบฟรีๆ เลย ในบล็อคที่อ้อมแชร์ไว้ให้ มือใหม่ iMacros

4. อย่างเสื้อที่พี่อ้อมขาย ราคาค่อนข้างสูง แปลว่าของมีคุณภาพมากๆ พี่อ้อมพอจะแนะนำได้ไหมค่ะ ว่ารับมาจากที่ไหน ดูแคตาล็อคจากจีน ราคาถูก ก็กลัวว่าจะแบบเหมือน ผ้าไม่ใช่ เย็บไม่ดี ราคาแพง ก็กลัวว่าโง่ซื้อมาขายได้ แต่ได้สเปกของที่ถูก

ตอบ: จากประสบการณ์ตัวเอง จริงอยู่ว่าคนไทยชอบของถูก แต่เพราะการนำเข้าของถูกไม่คุ้มกับเสียเลย เพราะคุณภาพสินค้าเหมือนกับตลาดบ้านเรา เพียงแต่ว่า เราจะได้มีรูปสวยๆ มาโปรโมทสินค้าเท่านั้นเอง แต่ถ้าจะเน้นของถูกเราควรเน้นของที่ขายในไทยจากแหล่งขายส่ง แล้วนำมาขายอีกทีจะดีกว่า  แต่การขายของออนไลน์ รูปภาพเป็นเองค์ประกอบอันดับแรกเลยที่คนจะตัดสินใจเข้ามาดูและซื้อสินค้าเรา ถ้าร้านที่เรานำของมาขาย เขาไม่มีรูปภาพที่เป็นไฟล์ให้ เราก็ขายยาก ต้องมาใส่ชุดถ่ายเอง แสง กล้องต้องดี มุมต้องสวยบรรยากาศองค์ประกอบการถ่ายรูป เผลอๆ ต้องจ้างช่างภาพเลย

ของอ้อมนำเข้ามาจากจีน เสื้อผ้าแฟชั่นค่ะ เพราะคิดมูลค่าของสินค้าแล้วราคาต้นทุนพอๆ กัน การถ่ายภาพ จ้างนางแบบ มีคนคอยดูการแต่งตัวให้ รวมค่าใช้จ่าย พอๆ กับที่เราซื้อของราคาคุณภาพมาจากจีนที่เขามีให้พร้อมแล้วทุกอย่าง ส่วนเรื่องคุณภาพสินค้าจีนจะมีหลายระดับบางร้านบอกเกรด A แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ของดีเสมอไป เพราะเท่าที่ทราบมาจากเพื่อนๆ ที่ทำด้วยกันสินค้าจีนจะมี A หลายระดับด้วย มีตั้งแต่ A, AA, AAA ไปถึง AAAA (เยอะจังเลย) ถ้าเรื่องนี้อ้อมรับข้อมูลมาผิดพลาด ท่านผู้รู้แย้งได้เลยนะคะ 
แต่สินค้าที่อ้อมนำเข้ามาคุณภาพปานกลางไปถึงดีมากอ้อมรู้เพียงเท่านี้ และสินค้าที่มาจริง อ้อมเองก็เป็นคน QC แทบจะทุกตัวเลย เล็มขี้ดายเองทั้งหมด

สินค้าร้านอ้อม กว่าจะได้งานคุณภาพเข้ามา ก็เจ็บไปหลายรอบ เจ็บทั้งเห็นสินค้าแล้วไม่เอาออกขาย และเจ็บทั้งคนซื้อไปแล้วไม่พอใจ อันนี้ต้องยอมรับทางอ้อมผิดจริงๆ แรกๆ ประสบการณ์มีน้อย การนำเข้าเลยเจอรับน้องไปเยอะ ในบล็อคอ้อมได้แชร์เอาไว้แล้วเรื่องการนำเข้า แบบไหนของดี แบบไหนของไม่ดี  สิ่งหนึ่งที่อ้อมยังไม่แชร์คือ เรื่องการดูของด้วยตาเปล่าในเบื้องต้นเราสามารถรู้ได้เลยว่าของชิ้นนี้สวยไม่สวย ที่เหลือไปลุ้นว่าของที่มาจะเหมือนแบบหรือไม่(แอบมีลุ้นอีกแหนะ) อันนี้ไม่รู้จะแชร์ยังไง อธิบายเป็นตัวหนังสือไม่ถูก

อย่างที่แนะนำไปแล้ว ถ้าเรามือใหม่เป็นตัวแทนจำหน่ายไปก่อนดีกว่าจ้า เก็บประสบการณ์ก่อน เรียนรู้งาน เรียนรู้ลูกค้า เรียนรู้สินค้าไปก่อน รักษาจุดยืนไปสักพักแล้วค่อยก้าวไปอีกระดับนะคะ

5.พี่อ้อมมีเทคนิควิธีคำนวณการส่งยังไงค่ะ

ตอบ: คำถามนี้ยังไม่ชัดเจนว่า สื่อถึงราคา หรือระยะเวลาการส่งเนาะ ถ้าเป็นเรื่องราคา เราต้องเอาราคาเริ่มต้นของการส่งไปรษณีย์มาเป็นเกณฑ์ก่อน แล้วบวกด้วยราคาเฉลี่ยของอุปกรณ์ที่เราต้องใช้ในการแพ็คของ พวกซอง, เทปกาว, ปริ้นเตอร์, กระดาษแปะหน้าซอง เป็นต้น  เหล่านี้เราต้องเฉลี่ยออกมาก่อน บางร้านค่าส่งถูกเพราะเอาราคาไปรวมกับค่าสินค้าแล้ว แต่ของอ้อมไม่ได้รวม เฉลี่ยแล้วอ้อมจะคิดค่าส่งเหมารวมเลยคือ EMS 60 บาท ลงทะเบียน 35 บาทค่ะ เว้นแต่ว่าลูกค้าเมืองนอกจะคิดราคาตามน้ำหนักของให้ก็จะแจ้งลูกค้าเป็นกรณีไปจ้า

สำหรับคำถามอื่นๆ ที่มือใหม่ที่อยากขายของออนไลน์ยังมีข้อส่งสัยก็สามารถทักทาย สอบถามกันเข้ามาได้เลยจ้า  และหากเห็นว่าบทความนี้มีประโญชน์ รบกวนแชร์และบอกต่อกันด้วยเนาะ จะได้เป็นประโยชน์และไขข้อข้องใจสำหรับท่านอื่นๆ ที่อยากรู้แต่ยังไม่รู้จะหาคำตอบจากไหน  สำหรับครั้งนี้ไปก่อนแล้วจ้า เจอกันอีกทีบทความหน้านะคะ